วันอังคารที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2555


แนวทางการดำเนินการในระบบมาตรฐาน ISO ครับ !!!!

การจัดทำสรุปรายงานการประชุม ทบทวนฝ่ายบริหาร
วาระที่ 1  การทบทวน KPI
ควร จะมีสรุปว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด กี่เรื่อง ไม่เป็นไปตามที่กำหนด กี่เรื่อง และ
เมื่อไม่ได้ได้มีการดำเนินการอะไรบ้าง เช่นการออก CAR กี่เรื่อง อาจจะสรุปว่าออก CAR แล้วมีการดำเนินการแก้ไขอย่างไร ?
และแนวโน้มจะเป็นอย่างไร ในอนาคต ? และ
กรณีที่ได้แล้ว จะปรับปรุงให้ดีขึ้น โดยปรับเป้าหมายอย่างไร เพื่อให้เกิดความท้าทาย

วาระที่ 2  & 3 การตรวจติดตามภายใน CAR & PAR
ควรจะสรุปว่า CAR ที่เกิดขึ้น เกิดจากข้อกำหนดที่เท่าไร บ้าง ? และแนวโน้มในข้อกำหนดใดที่เป็นประเด็นสำคัญในภาพรวมที่ต้องทำการแก้ไข
ปรับปรุง รวมถึง
วิธีการในการแก้ไข ตามเอกสาร CAR แต่ละฉบับนั้น มีแนวโน้มที่จะไม่เกิดซ้ำ หรือไม่ และปัญหา อุปสรรค์ ในการแก้ไข
มีอะไรบ้างที่ทำให้การแก้ไขนั้นไม่เป็นระบบ

วาระที่ 5 ข้อรองเรีย และข้อมูลย้อนกลับ จากลูกค้า
ควรระบุเป้าหมายตั้งไว้เท่าใด ? เกิดจริงจากการสำรวจเป็นเท่าใด ? และแนวโน้มของการสำรวจเป็นอย่างไร ได้หรือไม่ได้ตามเป้าหมาย รวมถึง
กรณีที่ได้ตามเป้า แต่ลูกค้ามีข้อเสนอแนะ ควรนำมาทบทวนว่าจะดำเนินการปรับปรุง แก้ไขอย่างไร ?
หรือออกเอกสาร CAR & PAR เพื่อแก้ไขปรับปรุง ตามระบบแล้ว และ
การปรุบปรุงอย่างไร เพื่อให้การสำรวจในครั้งต่อๆ ไป จะได้ดียิ่งขึ้น

วาระที่ 6 ผู้รับจ้าช่วง และการควบคุม
ควรสรุปว่ามีผู้รับจ้างช่วงกี่ราย ดำเนินการตามที่กำหนขององวค์กรฯ กี่เรื่อง ? เรื่องอะไรบ้าง ? และเป็นไปตามที่กำหนดครบหรือไม่ และ
กรณีที่มีการตรวจรับ และ Reject ทั้งหมดกี่ครั้ง ?
เป็นไปตาม Spec กี่ครั้ง ? ไม่เป็นกี่ครั้ง ?
ส่งของล้าช้ากี่ครั้ง ? ตรงตามกำหนด กี่ครั้ง ? และ
การประเมินผู้รับจ้างช่วง ครั้งล้าสุดผลเป็นอย่างไร ขึ้นทพเบียนกี่ราย ไม่ผ่านการขึ้นทะเบียนกี่ราย และ จะประเมินฯ ซ้ำเมื่อใด ?
ในระหว่าที่ยังไม่ได้ประเมินฯ ซ้ำ จะดำเนินการอย่างไร หากต้องมีการนำมาใช้ หรือซื้อใช้

วาระที่ 7 ทรัพยากร
ควรสรุปว่าแต่ละโครงการ ใช้ Budget ที่เกี่ยวกับ เครื่องไม้ เครื่องมือ
เครื่องจักรและอุปกรณ์ เท่าใด ? และมีความเหมาะสมกับ Budget ที่ได้รับหรือไม่ ? ถ้าหากเพียงพอ ควรเน้นทบทวน
เรื่องระยะเวลาของการนำเข้ามาใช้ ในการดำเนินการ เป็นไปตามแผนหรือไม่ ? หรือตรงเวลาที่กำหนด หรือไม่ ? รวมถึง
ควรเน้นเรื่องการควบคุม อะไหล่ เครื่องมือ อุปกรณ์ ของ Store มาทบทวนด้วย

วาระที่ 8 & 10 การเปลี่ยนแปลง และการปรับปรุงต่างๆ
การเปลี่ยนแปลงนี้รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของระบบเอกสาร หรือ
เอกสารที่ด้มีการเปลี่ยนแปลงด้วย เช่น QM, Procedure, WI และทบทวนการเปลี่ยนแปลง
เน้นในเรื่องของเนื่อหาที่เปลี่ยน และเปลี่ยนแล้ว ส่งผลต่อระบบคุณภาพ อย่างไร ?


===========================


การแก้ไข CAR เรื่อง KPI

        CAR No. 03  ผมให้ในเรื่องของปฏิบัติการแก้ไขในกรณีที่ KPI ไม่ได้ตามที่กำหนด
วิธีการแก้ไขอย่างเป็นระบบ
 1. ต้องแก้ไขเอกสารที่เกี่ยวข้องกับ KPI ก่อนครับ ว่ากรณีที่ไม่ได้ตามเป้าหมายที่กำหนดแล้วจะดำเนินการอย่างไร ?
 2. ขั้นตอนในการติดตามผลการกำหนด KPI ต้องกำหนดแผนในการนำไปปฏิบัติ และการติดตามผล ให้ชัดเจน
       ว่าจะติดตามทุกเดือน, สัปดาห์ หรือ 1 ปี 
 3. กำหนดผู้รับผิดชอบในการติดตาม และสรุปผลการติดตาม
 4. ดำเนินการแก้ไข หรือป้องกันในกรณีที่ผลไม่ได้ หรือมีแนวโน้มว่าจะไม่ได้ตามที่กำหนด และแก้ไขตามที่กำหนดจากข้อ 1.

หมายเหตุ ในกรณีที่เป้าหมายไม่ได้ตามที่กำหนด หากระบุว่าต้องออก CAR ก็ต้องออกตามที่กำหนดครับ ไม่ว่าเป็นกรณีที่อยู่ในช่วงที่ติดตามผล
   หรือเลยมาแล้ว ครับ (แต่ไม่แนะนำให้ทำย้อนหลังเกิน 1 เดือนครับ)
กรณีมีข้อส่งสัยถามเพิ่มเติมได้ครับ


===========================

ข้อแตกต่างระหว่าง Corrective Action & Preventive Action

8.5.2 การแก้ไข
องค์กรต้องดำเนินการเพื่อกำจัดสาเหตุของความไม่เป็นไปตามข้อกำหนดเพื่อป้องกันการเกิดซ้ำ
การแก้ไขต้องเหมาะสมกับผลกระทบของความไม่เป็นไปตามข้อกำหนดนั้น
องค์กรต้องจัดทำขั้นตอนการการปฏิบัติงานไว้เป็นเอกสารเพื่อระบุการดำเนินการต่อไปน ี้
a) การทบทวนความไม่เป็นไปตามข้อกำหนด
b) การพิจารณาสาเหตุของความไม่เป็นไปตามข้อกำหนด
c) การประเมินความจำเป็นในการดำเนินการเพื่อให้มั่นใจว่าความไม่เป็นไปตาม
ข้อกำหนดจะไม่เกิดขึ้นซ้ำ
d) พิจารณาการดำเนินการและการดำเนินการที่จำเป็น
e) การบันทึกผลของการดำเนินการแก้ไข (ดู 4.2.4)
f)  ทบทวนประสิทธิผลของการดำเนินการแก้ไข

๑๑๑ จากข้อกำหนดการแก้ไข ควรจะเป็นการแก้ไขเหตุที่เกิดขึ้นแล้ว เพื่อหามาตรการต่างๆ ในการป้องกัน เพื่อไม่ให้ผลที่เกิดขึ้นนั้นเกิดขึ้นซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นเหตุเล็กหรือใหญ่ แต่เป็นเหตุซึ่งเกิดขึ้นไปแล้ว

8.5.3 การป้องกัน
องค์กรต้องพิจารณาการดำเนินการเพื่อกำจัดสาเหตุของความไม่เป็นไปตามข้อกำหนดที่มีโอกาสเกิดขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น
การป้องกันต้องเหมาะสมต่อผลกระทบของปัญหาที่อาจเกิดขึ้นนั้นองค์กรต้องจัดทำขั้นตอนการการปฏิบัติงานไว้เป็นเอกสารเพื่อระบุการดำเนินการต่อไปน ี้
a) การพิจารณาความไม่เป็นไปตามข้อกำหนดที่มีโอกาสเกิดขึ้นและสาเหตุของการเกิด
b) การประเมินความจำเป็นในการดำเนินการเพื่อป้องกันการเกิดความไม่เป็นไปตาม
ข้อกำหนด
c) พิจารณาการดำเนินการและการดำเนินการที่จำเป็น
d) การบันทึกผลของการดำเนินการป้องกัน (ดู 4.2.4)
e) ทบทวนประสิทธิผลของการดำเนินการป้องกัน

๑๑๑ จากข้อกำหนดการป้องกัน ควรจะเป็นการป้องกันเหตุที่ยังไม่ได้เกิดขึ้น แต่มีแนวโน้มที่สามารถเกิดขึ้นได้ องค์กรฯ ควรกำหนดมาตรการในการค้นหา หรือที่มาของเหตุที่สามารถเกิดขึ้นได้  เพื่อหามาตรการต่างๆ ในการป้องกัน เพื่อไม่ให้ผลที่เกิดขึ้นนั้นเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเหตุเล็กหรือใหญ่ แต่เป็นเหตุที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริง


===========================

Internal Quality Audit
8.2.2 การตรวจประเมินภายใน
      องค์กรต้องตรวจประเมินภายในตามเวลาที่กำหนดไว้เพื่อพิจารณาว่าระบบบริหารคุณภาพ
a) สอดคล้องกับแผนที่กำหนด (ดูข้อ 7.1) สอดคล้องกับข้อกำหนดในมาตรฐานสากลฉบับนี้และสอดคล้องกับข้อกำหนดของระบบบริหารคุณภาพที่องค์กรจัดทำขึ้น และ
b) มีการนำไปใช้และรักษาไว้อย่างมีประสิทธิผลองค์กรต้องมีแผนการตรวจประเมินซึ่งพิจารณาจากสถานะและความสำคัญของกระบวนการ พื้นที่ที่รับการตรวจ รวมทั้งผลของการตรวจประเมินที่ผ่านมา
    องค์กรต้องกำหนดเกณฑ์ในการตรวจประเมิน ขอบเขต ความถี่และวิธีการตรวจประเมิน ทั้งนี้การเลือกผู้ตรวจประเมินและการดำเนินการตรวจประเมินต้องไม่ใช้ความเห็นส่วนตัวและเป็นกลางต่อกระบวนการที่ตรวจทั้งนี้ผู้ตรวจประเมินต้องไม่ตรวจงานของตนเอง
    องค์กรต้องจัดทำเอกสารขั้นตอนการปฏิบัติงานในเรื่องของความรับผิดชอบและข้อกำหนดสำหรับการวางแผนและดำเนินการตรวจประเมินภายใน การจัดเก็บบันทึกและการรายงานผลองค์กรต้องเก็บรักษาบันทึกการตรวจประเมินและผลการตรวจประเมิน (ดูข้อ 4.2.4)
    ผู้บริหารที่รับผิดชอบในหน่วยงานที่รับการตรวจประเมินตอ้ งมั่นใจว่ามีการดำเนินการเพื่อกำจัดข้อบกพร่องและสาเหตุของข้อบกพร่องนั้นโดยไม่ล่าช้าเกินกำหนด การติดตามผลต้องรวมถึงการทบทวนการดำเนินการและการรายงานผลการดำเนินงานนั้น (ดูข้อ 8.5.2)
    หมายเหตุ – ดูมาตรฐาน ISO 19011 เป็นแนวทาง

@@@ จากข้อ a) สิ่งที่ควรจัดทำตามข้อกำหนด ได้แก่เอกสารที่สามารถบอกได้ถึงข้อกำหนดต่างๆ ในระบบ ISO 9001:2008  ที่ได้นำไปใช้ในการตรวจ IQA ครบทุกข้อกำหนด ส่วนมากที่พบเราจะใช้เอกสารที่เป็น Matrix เป็นตัวบอกว่าเราไปตรวจที่หน่วยงานใด ด้วยข้อกำหนดใดบ้าง (แต่ต้องครบทุกข้อกำหนด)
บางที่ก็อาจจะใช้ในรูปแบบ Check list โดยจะมีหัวข้อของข้อกำหนด ระบุไว้ว่าตรวจด้วยข้อกำหนดใดบ้าง ซึ่งก็สามารถใช้ได้ แต่ขอเน้นตรงที่ต้องครบทุกข้อกำหนด
@@@ จากข้อ b) สิ่งที่ต้องจัดทำ ได้แก่เอกสารซึ่งสามารถบอกถึงแผนที่จะตรวจ กำหนดขึ้นอย่างไร ? ปีละกี่ครั้ง ? 
     หน่วยงานที่ถูกตรวจ (พื้นที่ต่างๆ) รวมถึงต้องระบุผลของการตรวจจากครั้งก่อน และการติดตามให้ชัดเจน
     ผู้ที่ทำหน้าที่ตรวจ คุณสมบัติ ความรู้ความสามารถ และอย่าลืมว่าอย่าตรวจหน่วยงานตัวเองครับ
@@@ ต้องกำหนดขั้นตอนเป็นเอกสาร และผลของการตรวจต่างๆ ต้องเก็บเป็นบันทึก
@@@ กรณีจากการตรวจที่ต้องดำเนินการแก้ไข ต้องระบุระยะเวลาในการแก้ไขให้เหมาะสมกับปัญหาที่เกิดขึ้น

===========================
กรณีการแก้ไข CAR ที่เกิดจากการตั้งเป้าหมายขององค์กร ฯ หากการตั้งเป้าหมายนั้นไม่สามารถจะแก้ไขได้ตามระยะเวลาที่กำหนด 
ก็สามารถระบุสาเหตุที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ลงในเอกสารเลยก็ได้ แต่แนะนำว่าควรจะระบุแนวทางการป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำไว้ด้วยครับ

===========================


Calibration
การสอบเทียบเครื่องมือวัดนั้น ขอให้พิจารณา หรือความจำเป็นในการสอบเทียบ ของอุปกรณ์เครื่องมือวัดต่างๆ เช่นเหล็กฟุต, ตลับเมตร, สายวัดแบบต่างๆ เราอาจจะไม่สอบเทียบก็ได้ แต่ต้องกำหนดวิธีการในการตรวจสอบ ดูแล ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้
ส่วนเครื่องมือวัดละเอียด ขอให้พิจาณาถึงจุดที่ทำการวัดนั้น มีส่วนในการตัดสินใจปล่อยผ่านหรือยอมรับค่าที่วัดได้นั้น หรือไม่ ถ้ามี ก็ควรจะสอบเทียบ
เครื่องมือวัดที่เก็บไว้ ไม่ได้ใช้งาน หรือนานๆ ครั้งจะนำมาใช้ ก็ควรระบุในเอกสารให้ชัดเจน ว่าวิธีการในการเก็บ ดูแล รักษา ทำอย่างไร และ เมื่อมีความจำเป็น ที่ต้องนำกลับมาใช้ใหม่ ควรสอบเทียบเครื่องมือวัดเหล่านั้นก่อนที่จะนำมาใช้งาน
ส่วนเครื่องมือวัดที่จัดซื้อใหม่ ควรจะขอเอกสารรับรอง Certificate จากผู้ขายในการยืนยันของอุปกรณ์วัดที่ได้ซื้อมาใช้งาน

===========================
Internal Quality Audit
การกำหนดแผนในการตรวจประจำปี จำเป็นต้องทำหรือไม ?
ตอบว่า จริงๆ ไม่ตองจัดทำเป็นแผนก็ได้ครับ แต่ว่าควรจะระบุให้ชัดเจนในเอกสาร ไม่ว่าจะเป็นในเอกสาร QM หรือ Procedure ก็ได้ครับ ระบุไปเลยว่าเป็นปีละกี่ครั้ง ? หรือว่าตรวจในเดือนไหน ? มันก็คือการกำหนดแผนการตรวจตามข้อกำหนดแล้วครับ

===========================
ฝ่ายจัดซื้อ ควรจะปฏิบัติอย่างไรบ้างเพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนด ?
ตอบว่า ข้อกำหนดระบุ 
7.4.1 กระบวนการจัดซื้อองค์กรต้องมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์์ที่จัดซื้อ สอดคล้องกับข้อกำหนดในการจัดซื้อ วิธีการและความเข้มงวดของการควบคุมผู้ขายและผลิตภัณฑ์ที่จัดซื้อต้องขึ้นอยู่กับผลกระทบของผลิตภัณฑ์ที่จัดซื้อต่อการได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์หรือผลิตภัณฑข์ ั้นสุดท้ายองค์กรต้องประเมินและคัดเลือกผู้ขายตามพื้นฐานความสามารถในการส่งมอบผลติ ภัณฑ์ตามข้อกำหนดขององค์กร องค์กรต้องจัดทำเกณฑ์ในการคัดเลือก ประเมินและประเมินซ้ำ ผลของการประเมินและการดำเนินการใดๆ ที่เกิดขึ้นจากการประเมินต้องเก็บเป็นบันทึก (ดูข้อ 4.2.4)

7.4.2 รายละเอียดการจัดซื้อรายละเอียดการจัดซื้อต้องระบุผลิตภัณฑ์ที่ต้องการซื้อรวมถึงรายละเอียดต่อไปนี้ตามความเหมาะสม
    a) ข้อกำหนดในการยอมรับผลิตภัณฑ์ ขั้นตอนการทำงาน กระบวนการและอุปกรณ์
    b) ข้อกำหนดของคุณสมบัติของบุคลากร และ
    c) ข้อกำหนดระบบบริหารคุณภาพองค์กรต้องมั่นใจว่าข้อกำหนดในการจัดซื้อมีความเหมาะสมก่อนแจ้งผู้ขายทราบ

7.4.3 การทวนสอบผลิตภัณฑ์ที่จัดซื้อองค์กรต้องจัดทำและนำไปปฏิบัติซึ่งการตรวจสอบหรือมีกิจกรรมใดๆ ที่สามารถมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ที่จัดซื้อสอดคล้องตามข้อกำหนดในการจัดซื้อ
         ในกรณีที่องค์กรหรือลูกค้าต้องการทวนสอบผู้ขาย ณ สถานประกอบการของผู้ขาย องค์กรต้องระบุรายละเอียดของการทวนสอบและวิธีการปล่อยผ่านผลิตภัณฑ์ในข้อมูลของการจัดซื้อ

@ จากข้อนี้ควรกำหนดวิธีการระบุข้อมูลที่จำเป็นในการจัดซื้อ เช่น ชื่อผู้ขาย, ชื่อสินค้าที่ซื้อ, รหัส, รุ่น, ขนาด, จำนวน โดยทั่วๆไปเราจะระบุใน PR หรือ PO ครับ 
@ ต้องกำหนดเกณฑ์ในการคัดเลือกผู้ขาย เช่นทุนจดทะเบียน, จำนวนเครื่องจักร, จำนวนพนักงาน, กำลังการผลิตของโรงงาน, ระยะเวลาในการส่งมอบ, ระยะเวลาเครดิต หรือรวมถึงงานที่ได้ทำผ่านมาแล้ว
@ กำหนดระยะเวลาในการประเมิน หรือจะประเมินซ้ำเมื่อไหร่ ?
@ การตรวจโรงงานของผู้ผลิต หรือผู้ส่งมอบ ดูตามความจำเป็นครับ ควรจัดทำแผนการเป็นรายปี ความถี่ขึ้นกับความเหมาะสมครับ 

================

มีคำถามมาครับว่า ขอกำหนดที่ 6.3 ควรต้องจัดทำอะไรบ้างจึงจะสอดคล้องกับข้อกำหนด

6.3 โครงสร้างพื้นฐานองค์กรต้องกำหนดโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น รวมทั้งจัดหาและบำรุงรักษาเพื่อให้สามารถบรรลุข้อกำหนดของผลิตภัณฑ์ โครงสร้างพื้นฐานนี้ได้แก
    a) อาคาร สถานที่ทำงานและสาธารณูปโภค
    b) เครื่องมือเครื่องจักรในกระบวนการ (ทั้ง Hardware และ Software) และ
    c) บริการสนับสนุน (ตัวอย่างเช่น การขนส่ง การสื่อสาร หรือระบบสารสนเทศ)

จากข้อกำหนดนี้ ต้องดูครับว่าโรงงานของท่านเป็นโรงงานประเภทใดครับ ผมขอแยกเป็นประเภทคล่าวๆ ดังนี้ครับ
1. ประเภทโรงงานผลิตอาหาร หลักๆ คงต้องดูข้อกำหนด GMP. ครับเช่นเรื่องน้ำใช้ในการบวนการผลิต, การเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับโรงงานผลิตอาหาร, การจัดทำระบบระบายอากาศ ปรับอากาศในโรงงาน, การดูแลระบบน้ำเสียจากกระบวนการในการผลิต รวมถึงเรื่องสุขลักษณะต่างๆ ของโรงงาน และต้องรวมถึงขอกำหนดในการถนอมรักษาขณะการจัดส่งสินค้าต่างๆ และข้อกำหนดเฉพาะของรถที่นำมาใช้ เช่นรถห้องเย็น
2. ประเภทโรงงานที่มีสารเคมีต่างๆ ที่นำมาใช้ในกระบวนการผลิต สิ่งที่ต้องดู หรือต้องกำหนดขึ้น เช่นการเลือกใช้วัสดุ หรืออุปกรณ์ต่างๆ ให้เหมาะสมกับสารเคมีที่มีใช้ในโรงงาน(เน้นเรื่องการป้องกันการกัดกร่อน การถูกทำลายโดยสารเคมี) ถ้ารวมถึงการจัดทำระบบระบายอากาศ Hood การเติมอากาศ และบำบัดอากาศเสียตามความเหมาะสม
3. ประเภทงานก่อสร้าง ควรเน้นในเรื่องการตรวจสอบในจุดต่างๆที่กจำเป็นกับการปฏิบัตงาน เช่นการตรวจสอบนั่งร้าน, การตรวจสอบลิฟท์โดยสาร หรือลิฟท์ส่งของ และควรเน้นเรื่องความปลอดภัยในการปฏิบัติงานของผู้รับเหมาเช่นการทำงานในที่สูง, การทำงานในที่อับอากาศ, การทำงานกับงานที่มีประกายไฟเป็นต้น
==================================

วันนี้มีเรื่องมา Share ครับ
ลูกค้าถามว่าจำเป็นมั๊ย ที่จะต้องออกแบบสำรวจความพึงพอใจลูกค้าเป็นแบบสอบถาม มีเกณฑ์ประเมินเป็นระดับคะแนน
มาดูข้อกำหนดนี้ก่อนนะครับ
ข้อกำหนดที่ 8.2.1  การวัดความพึงพอใจของลูกค้า
         การวัดประสิทธิผลของระบบบริหารคุณภาพทางหนึ่งคือการที่องค์กรต้องเฝ้าตรวจข้อมูลซึ่งเกี่ยวข้องกับความรู้สึกของลูกค้าเพื่อให้ทราบถึงการบรรลุข้อกำหนดของลูกค้า โดยองค์กรต้องพิจารณาวิธีการให้ได้มาซึ่งข้อมูลดังกล่าวและการนำไปใช ้
      หมายเหตุ - การเฝ้าติดตามความรู้สึกของลูกค้าอาจได้แก่ การสำรวจความพอใจของลูกค้า ข้อมูลการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ การสำรวจความเห็น การวิเคราะห์ความเสียหายทางธุรกิจ การสมนาคุณ ข้อร้องเรียนหรือรายงานจากตัวแทนจำหน่าย

@@@@ ถ้าดูจากข้อกำหนด ไม่ได้ระบุครับว่าต้องจัดทำตามที่ถาม แต่ว่าข้อกำหนดเน้นเรื่องการวัดความรู้สึกจากลูกค้าครับ ซึ่งเราอาจจะทำในรูปแบบการไปเยี่ยมลูกค้า่ แล้วสอบถามเป็นข้อมูล หรือการจัดส่งของ แล้วมีการ Stamp คำถามเพื่อถามความพึงพอใจของลูกค้า โดยตรง ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งครับ
      หรือว่าจะใช้ข้อร้องเรียนจากลูกค้า เป็นตัววัดผลก็ได้ครับ แต่ต้องระบุในเอกสารให้ชัดเจนนะครับว่าจะวัดอย่างไรครับ
-------------------------------

ตัวอย่าง KPI ; ที่เกี่ยวกับงานออกแบบ และังานประมาณราคา

KPI ; ของหน่วยงานประมาณราคา ที่นิยมตั้งกันมีประมาณนี้ครับ

Exp ; 1. ความผิดพลาดในการประมาณราคางาน เทียบกับการสั่งซื้อวัสดุ/อุปกรณ์ จริง เป้าหมาย
Exp ; 2. ระยะเวลาในการประมาณราคา หลังจากที่ได้รับมอบงาน เป้าหมาย

KPI ; ของหน่วยงานออกแบบ ที่นิยมตั้งกันมีประมาณนี้ครับ
Exp ; 1. จำนวนครั้งที่ทำการแก้ไขแบบ ที่เกิดจากการออกแบบผิดโดยหน่วยงานเอง เป้าหมาย
Exp ; 2. ระยะเวลาที่ใช้ในการออกแบบ หลังจากที่ได้รับงานจากฝ่ายการตลอด เป้าหมาย
Exp ; 3. ความผิดพลาดที่เกิดจากการออกแบบ ไม่สอดคล้องกับข้อกำหนดของกฏหมายต่างๆ ด้านอาคาร เป้าหมาย 1 ครั้ง / งาน

ตัวอย่างประมาณนี้ครับ หวังว่าคงเป็นประโยชน์บ้างนะครับ
 -----------------------------------------------------------------


มีข้อมูลใหม่มาแชร์ครับ
1. ระยะเวลาในการจัดเก็บเอกสารบันทึกรายงานการประชุมทบทวนฝ่ายบริหาร, ประวัติพนักงาน, ประวัติการฝึกอบรม, Audit Check List, KPI, การทบทวนการออกแบบ, การทวนสอบ, การรับรอง และการควบคุมการเปลี่ยนแปลง ควรกำหนดให้เหมาะสมชัดเจน
2. การดำเนินการเกี่ยวข้องกับ OBS. ควรระบุวิธีการในการแก้ไข ปรับปรุงให้ชัดเจนในเอกสาร
3. ควรกำหนดขั้นตอนในการให้ User ของ e-Mail / Password ขององค์กรฯ ควรจัดทำขั้นตอนในการกำหนดให้ชัดเจนเป็นเอกสาร
4. เงือนไข เรือง ราคา ในใบเสนอราคาควรปรับเปลี่ยนจากบริษัทของสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงราคา เป็น ราคานี้ใช้ได้ภายใน 30 วันนับจากวันที่ที่ออกใบเสนอราคา และควรเพิ่มเติมรายละเอียดหลักเกณฑ์วิธีการในการยืนยันตามข้อตกลงของลูกค้า เช่นกำหนดเป็น footer ใน Quotation ว่าให้ยืนยันโดยการ fax Quoatation พร้อมการลงนามกลับมา หรือแจ้งกลับเป็น PR หรือ อื่นๆ
5. กรอบเวลาในการติดตามการบรรลุเป้าหมายเรื่องการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ตามโครงการการทดลอง  20 รายปี ต่อรายการ ควรวัดผลเป็นระยะเวลาที่สั้นกว่า 1ปี เช่น ทุก 6 เดือน หรือทุกไตรมาส กรณีไม่บรรลุตามกรอบเวลา ควรทำให้แน่ใจว่ามีกระบวนการในการค้นหาสาเหตุการบ่งชี้แนวทางการแก้ไขและจัดทำเป็นเอกสาร
6. การประเมิณผู้ขายรายใหม่ ตามเอกสาร HF034 เช่น ยูเนี่ยน กาวาไลน์ ควรทำการประเมินก่อนการทำธุรกรรม เช่น การทวนสอบใบอนุญาติและทะเบียนการค้าต่างๆ
7. ย่านการสอยเทียบของฟุตเหล็ก ควรให้คลุมถึงย่านการใช้งาน ปัจจุบัน ย่านการใช้งาน คือ 0-198 mm แต่ย่านการสอบเทียบ คือ 0-100 mm
8. ควรกำหนดที่มาของโมลด์ให้ชัดเจนว่าทำขึ้นโดยหน่วยงาน หรือจ้างผลิต
9. ควรจัดทำเอกสารเรื่องการทำโมลด์ชนิดต่างๆ ให้ครบตามลักษณะ ของโมลด์ เช่นทรงโค้ง ทรงกลม, ทรงเหลี่ยม และรูปทรงอื่นๆ ที่ผลิตขึ้นเป็นต้นแบบ
10. ควรกำหนดขั้นตอนในการตรวจสอบระหว่างการปฏิบัติงานของหน่วยงานเลย์ถังเล็กเพื่อให้ทราบถึงความถูกต้อง และสอดคล้องกับที่กำหนดขึ้นก่อนผลิตภัณฑ์นั้นสิ้นสุดกระบวนการผลิต
------------------------------------------------------------------------------------------------

การตรวจ Site ในการก่อสร้าง
ลักษณะการตรวจแบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ครับ
1. การตรวจเอกสาร เอกสารที่จำเป็นในการตรวจประกอบด้วย
เอกสารแสดงถึงขอบเขตของงาน หรือสัญญาการจ้างงาน (ทั้งงานก่อสร้าง และงานระบบ)
เอกสารประกอบสัญญา แสดงถึงข้อมูลทางด้านเทคนิคต่างๆ ในงาน (ทั้งงานก่อสร้าง และงานระบบ)
แบบประกอบสัญญา (ทั้งงานก่อสร้าง และงานระบบ)
แบบที่ใช้ในการตรวจสอบต่างๆ 
ตรวจสอบการรับเข้าของวัสดุอุปกรณ์, การตรวจสอบระหว่าง หรือขณะปฏิบัติงาน, การตรวจสอบหลังงานเสร็จสิ้น
(หาก Site งานมีผู้ควบคุมงานที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ ใช้แบบตรวจของทางที่ปรึกษาเป็นหลักฐานได้ครับ)
เอกสารแสดงการสอบเทียบ, การทวนสอบ เครื่องมือวัดต่าง ที่มีใช้ที่ Site งาน (ทั้งงานก่อสร้าง และงานระบบ)
เอกสารเกี่ยวข้องกับการจัดเก็บ และการเบิกจ่าย วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงเครื่องมือ
  (หากเป็นระบบ ISO 14001 ให้เน้นเรื่องการเบิกจ่าย PPE ด้วยครับ)
เอกสารเกี่ยวกับการประเมิน และการควบคุมผู้รับเหมา หรือผู้รับจ้างช่วง (ทั้งงานก่อสร้าง และงานระบบ)
(หากเป็นระบบ ISO 14001 ให้เน้นเรื่อง Work permit สำหรับงานที่มีความอันตรายต่างๆ ด้วยครับ)
อื่นๆ ขึ้นอยู่กับประเภทของงานครับ (สอบถามเพิ่มเติมได้ครับ)

2. การตรวจสอบหน้างาน โดยทั่วไปการตรวจจะเน้นเรื่องการก่อสร้าง หรือการติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ โดยเปรียบเทียบกับแบบ
    ว่ามีความสอดคล้องกันหรือไม่ อาจจะมีการสุ่มตรวจในจุดต่างๆ เช่น
2.1 งานก่อสร้าง
การเข้าแบบ, การผูกเหล็ก, วิธีการเทคอนกรีต ในจุดต่างๆ, การจัดทำค้ำยัน หรือนั่งร้าน,
การจัดทำ Protection,การติดตั้ง Tower crane, สภาพแวดล้อมต่างๆใน Site งาน และอื่นๆ
2.2 งานระบบ
ระยะการยึด Clamp ต่างๆ เช่นท่อน้ำ, CW, HW, ท่อร้อยสายไฟฟ้าขนาดต่าง ๆ
การ set ระดับท่อในระบบสุขาภิบาล ที่ต้องมีระดับของ Slope ในขนาดท่อต่างๆ เทียบกับแบบ
ความถูกต้องของการใส่อุปกรณ์ต่างๆ เช่นข้อต่อ, วาวล์, หุ้มฉนวน และอื่นๆตามประเภทของงาน
ความถูกต้องของการทบสอบการรั่วซึมในจุดต่างๆ และอื่นๆ
 (สอบถามเพิ่มเติมได้ครับ) 
===================================

หัวข้อ การทบทวนที่จำเป็นตามข้อกำหนด OHSAS 18001 ประกอบด้วย
1. ผลของการประเมินความเสี่ยงในการปฏิบัติงาน และการแก้ไข ป้องกัน
2. การติดตาม และประเมินความสอดคล้อง เรื่องกฏหมายเกี่ยวข้องกับความปลอดภัย ฯ ที่มีการเปลี่ยนแปลง
3. ผลการตรวจวัดด้านสิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัย และความปลอดภัย
4. การตรวจติดตามภายใน เกี่ยวกับความปลอดภัย ทั้งจากภายใน และภายนอก
5. การสื่อสารต่างๆ รวมถึง การปรับเปลี่ยนนโยบายประจำปี
6. ผลการดำเนินการของโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย ฯ 
7. รายงานอุบัติเหตุ และการแก้ไข ป้องกัน
8. ผลของการซ้อมแผนฉุกเฉินต่างๆ ที่ได้กำหนดขึ้นจากการประเมินความเสี่ยง รวมถึงตามที่กฏหมายกำหนด (แนบท้าย รง.4)


หัวข้อประมาณนี้ครับ แต่ต้องพิจารณาการดำเนินการอื่นๆ ประกอบด้วยนะครับ เพราะแต่ละองค์กรฯ ไม่เหมือนกันครับ
 =====================================

ข้อกำหนดเรื่อง Internal Quality Audit 8.2.2

   วันนี้เอามาแขร์เรื่องที่พบบ่อยๆ จากการตรวจ ข้อกำหนดนี้ครับ

1. ในการออก NCR หรือ CAR ของหน่วนงานที่ถูกตรวจนั้น ยังออก CAR ไม่สอดคล้องกับข้อกำหนด
     สาเหตุ เกิดจาก Internal Auditor จะจัดทำ Checklist ระบุหน่วนงาน และข้อกำหนดลงไปใน Checklist แต่ในการตรวจหากพบว่าความไม่สอดคล้องนั้นเป็นข้อกำหนดอื่นๆ Internal Auditor ก็มักจะใส่ข้อกำหนดที่ระบุใน Checklist เช่น
     ตรวจฝ่ายผลิต ตรวจในข้อกำหนดที่ 7.2, 7.2.1, 7.2.2 แต่จากการตรวจพบการลงบันทึกต่างๆ ไม่ครบ ก็จะระบุใน CAR ว่าเป็นข้อบกพร่องที่ 7.2 แต่ความเป็นจริงต้องเป็นข้อกำหนดเรื่องการลงบันทึกไม่สมบูรณ์ 4.2.4 เป็นต้น
     การแก้ไข อย่าไปยึดตอดกับ Checklist จนมากเกินไป ให้นึกถึงภาพ CB เวลาไปตรวจจะไม่มี Checklist ในการตรวจครับ แต่ใช้ความจำและการตีความตามข้อกำหนด แต่การปฏิบัติตามเอกสาร หรือข้อกำหนดที่องค์กรฯ ได้กำหนดขึ้นครับ

2. ข้อกำหนดที่ใช้ในการตรวจ ในแต่ละหน่วยงาน ระบุไม่ครอบคลุม หรือไม่สมบูรณ์  
    สาเหตุ เกิดจากความเม่นยำในข้อกำหนด หรือการตีความข้อกำหนด ไม่สมบูรณ์ ในการจัดทำแผนการตรวจ หรือ Checklist ที่ใช้ในการตรวจ
    การแก้ไข ควรจัดทำ Matrix ระบุความเกี่ยวข้องกันระหว่างข้อกำหนด และหน่วยงานให้ครบ (ครอบคลุม) ทุกๆ ข้อกำหนด ที่เกี่ยวข้อง เช่น
   ฝ่ายคลังสินค้า ข้อกำหนดที่จำเป็น
      5.4.1 วัตถุประสงค์คุณภาพ
      6.2.2 ความสามารถ การอบรมและความตระหนัก 
      6.3 โครงสร้างพื้นฐาน
      6.4 สภาพแวดล้อมในการทำงาน 
      7.5.3 การชี้บ่งและสอบกลับได้
      7.5.4 ทรัพย์สินของลูกค้า
      7.5.5 การถนอมรักษาผลิตภัณฑ์
   หรืออาจจะรวม เพื่อเพิ่มประสิทธผลของการตรวจมากขึ้น
      8.4 การวิเคราะห์ข้อมูล
      8.5.1 การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
 =====================================

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น